ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ประชากรหญิงกว่า 40 % และประชากรชายกว่า 20 % ทุกประเทศทั่วโลก ในวัยสูงอายุจะเป็นโรคกระดูกพรุนอย่างแน่นอน และงบประมาณที่ใช้ในการรักษาโรคกระดูกพรุนทั่วโลกมีมูลค่าพอๆกับมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศไทยกันเลยทีเดียว
เมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้นจะมีภาวะที่ปริมาณเนื้อกระดูกลดลง และ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของกระดูก ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เกิดกระดูกหักได้ง่ายขึ้น ท่านคงเคยได้ยินว่าผู้สูงอายุไม่ควรหกล้ม(โดยเฉพาะผู้หญิง)เหตุเพราะเรื่องกระดูกพรุนนี่เอง
โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยเป็นลำดับที่ 2 รองจากโรคข้อเสื่อม โดยที่ “ไม่แสดงอาการผิดปกติ” การสูญเสียมวลกระดูกไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิมได้โดยเร็ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันและรักษาตั้งแต่เริ่มแรกก่อนที่จะเกิดกระดูกหัก
เนื่องจากโรคกระดูกพรุนจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะถึงระยะสุดท้ายของโรค เช่น คนหลังค่อม หรือบางท่านปวดหลังตลอดเวลา รวมถึงถ้าเกิดอาการมากหน่อยอาจจะแค่เดินสะดุดล้มเล็กน้อยกระดูกก็หักแล้วได้
ธรรมชาติเล่นตลกอะไรแบบนี้…..แต่ที่แย่กว่านั้นคือผู้ป่วยเกือบครึ่งหนึ่งเมื่อกระดูกหักหรือปวดกระดูกมากๆแล้วก็จะไม่ยอมเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายเพราะกังวลเรื่องกระดูกหัก และ 1 ใน 5 ของผู้ที่ไม่ยอมขยับไปไหนนี่เองที่นำมาสู่แผลกดทับและการเสียชีวิตในเวลาต่อมา
แต่ยังโชคดีที่นวัตกรรม เทคโนโลยีสุขภาพปัจจุบันเริ่มมีการศึกษาเรื่องกระดูกพรุนกันมากยิ่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าหากรับประทานแคลเซี่ยมในปริมาณที่เหมาะสม (ในวัยผู้สูงอายุคือวันละ 1200-1500 มิลลิกรัมต่อวัน) ติดต่อกันจะช่วยลดโอกาสเกิดกระดูกพรุนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากได้รับการทานวิตามินดีและแร่ธาตุแมกนีเซียมเสริมเข้าไปอีกด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้กระดูกแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนสารประกอบอื่นที่มีปริมาณแคลเซียมสูง เช่น ผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม ผักคะน้า กะปิ เนื้อสัตว์ต่างๆ เป็นต้น
อย่าลืมหันมาทานแคลเซียม วิตามินดีกันนะครับ
ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ทาง :
http://www.calcivit.com/information/
ผลิตภัณฑ์ “แคลซิวิท” ได้รับมาตรฐาน อย 11-1-06353-1-0308
และมาตรฐานโรงงานจากยุโรปแล
.
CALCIVIT ผู้เชี่ยวชาญด้าน ข้อ กระดูก และหลังที่ดีที่สุด
สามารถสอบถามหรือสั้งซื้อ CALCIVIT
ได้ทาง LINE เพียงแค่กดปุ่มด้านล่างเพื่อ “ADD FRIEND”
หรือ Facebook INBOX เพียงคลิกปุ่มด้านล่าง