หลักจากการทำงานที่เหนื่อยล้า ทุกคนคงอยากพักผ่อนและสิ่งที่เรานึกถึงสิ่งแรกๆ คงหนีไม่พ้นที่นอนนุ่มๆ และอีกสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้ของการนอน ก็คือ “หมอน” นั่นเอง
หมอน เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญยิ่งในการนอน
เราใช้เวลากับหมอนถึง 1/3 ของเวลาในแต่ละวัน
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal มีรายงานในเรื่องนี้จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการนอนที่ศูนย์การนอนในนครนิวยอร์ก พญ.Ana C. Krieger ผู้อำนวยการทางการแพทย์ของ Center for Sleep ที่ New York-Presbyterian/Weill Cornell Medical Center บอกว่า หมอนที่รองรับช่องว่างระหว่างศีรษะกับที่นอนเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญต่อสุขภาพของเรามาก เพราะหมอนที่ถูกต้องจะจัดให้สะโพกหลัง และคอของเราเข้าที่ และทำให้กระดูกสันหลังของเรารักษาระดับตรงได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และถึงแม้หมอนในสมัยนี้จะมีให้เลือกหลายหลายชนิด แต่
คุณหมอ Ana ได้จัดหมอนไว้เป็น 2 ประเภทใหญ่ดังนี้
1. หมอนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่นขนนุ่นละเอียดของสัตว์ปีก
2. หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ เช่นโฟม และยาง Latex
คุณหมอ Ana ได้กล่าวว่าข้อดีของ วัสดุธรรมชาติ คือเป็นหมอนที่ไม่ค่อยมีไรฝุ่น พับหรือจัดรูปได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการรักษาความเย็น และยังมีอายุการใช้งานที่นาน แต่ในขณะที่หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ มีข้อดีตรงที่รักษารูป และระดับความสูง แต่อายุใช้จะสั้นกว่า หรือประมาณครึ่งหนึ่งของหมอนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการนอน ได้แนะนำวิธีการเลือกหมอนไว้ว่า ต้องเข้าใจลักษณะการนอนของตัวเองเสียก่อนว่า
1. ชอบนอนในลักษณะไหน
- นอนหงาย
- นอนคว่ำ
- นอนตะแคงข้าง
2. กำหนดความสูง และความหนาที่ทำให้รู้สึกสบาย
3. สุดท้ายเลือกประเภท และคุณภาพของหมอน
*ถ้าไม่มั่นใจว่าชอบนอนแบบไหน คุณหมอ Ana แนะนำให้ทดลองซื้อหมอน สอง ถึง สามชนิดที่แตกต่างกัน แล้วทดลองใช้เป็นเวลา 2-3 เดือน
สำหรับผู้ที่ชอบนอนหงาย ไม่ควรที่จะหนุนหมอนที่สูงเกินไป ควรเป็นหมอนที่ได้รูปกับต้นคอ เป็นหมอนที่มีส่วนโค้งเว้า ตรงกลาง ซึ่งตรงกับสรีรของข้อต่อคอมากที่สุด และระวังอย่าใช้หมอนที่ทำให้ศีรษะสูงกว่าคาง เพราะอาจทำให้ปวดต้นคอได้
สำหรับคนที่ชอบนอนคว่ำ ไม่ควรใช้หมอนที่ยกศีรษะสูงเกินไป เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อคอ และหลังทำงานหนัก ควรจะมีความสูงในระดับที่ทำให้ศีรษะสูงกว่าคอไม่ควรเกิน 1-2 เซนติเมตร
สำหรับคนที่ชอบนอนตะแคง ควรใช้หมอนที่ทำให้ศีรษะอยู่ตรงกลางหมอนเพื่อจะทำให้กระดูกสันหลัง และคออยู่ในแนวเดียวกัน และอย่าลืมสอดหมอนเข้าระหว่างขา เพื่อให้ข้อสะโพกไม่ทำงานหนักอีกด้วย
อีกข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ คนเราเปลี่ยนท่านอนโดยเฉลี่ยแล้วชั่วโมงละครั้ง เพราะฉะนั้นต้องแน่ใจเสียก่อนว่าชนิดของหมอนที่เลือกจะทำให้เราหลับได้สบายตลอดทั้งคืน ซึ่งหมายความว่าสะโพก หลัง และคอของเราเข้าที่ และทำให้กระดูกสันหลังของเรารักษาระดับตรงได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ข้อแนะนำส่งท้ายของคุณหมอ Ana คือควรเปลี่ยนหมอน ที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ทุกๆ 2 หรือ 3ปี และ 5 หรือ 6 ปี สำหรับหมอนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ หมอนควรมี่ผ้าหุ้มก่อนจะสวมด้วยปลอกหมอนที่ทำจากผ้าฝ้าย ที่มีเนื้อโปร่ง และอากาศถ่ายเทได้ เพราะช่วยกันไรฝุ่น และลดความชื้นจากเหงื่อได้
ขั้นตอนการทดสอบว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนหมอน หรือยังนั้น สำหรับหมอนธรรมชาติถ้าทำการตบแล้วฟื้นสภาพคืนความสูงก็นับว่ายังสามารถได้ ส่วนหมอนสังเคราะห์นั้นถ้าพับแล้วไม่คืนสภาพหมายความว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหมอนแล้วหล่ะ
สุดท้ายก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย CALCIVIT นะครับ
เนื่องจากการเลือกหมอนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแล กระดูกคอกระดูกสันหลัง ให้เราสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามแบบ สรีรวิทยา
” แต่หากต้องการในเรื่องของการบำรุง และดูแลคอหลังข้อและกระดูก “ แล้วหล่ะก็
ผมของแนะนำ CALCIVIT ที่มีสารประกอบที่ช่วยดูแล หลังข้อและกระดูกของทุกท่านได้อย่างครบถ้วน
1. undenatured คอลลาเจนชนิดที่สอง ซึ่งช่วยในเรื่องข้อและหมอนรองกระดูกรวมถึงรักษากระดูกอ่อนผิวข้อ
2. กระดูกอ่อนปลาฉลาม ซึ่งมีส่วนช่วยในการ สร้างน้ำไขข้อเพื่อมาหล่อเลี้ยงข้อของ เรา
3. แคลเซียมและ วิตามิน D ในปริมาณที่พอเหมาะในเรื่องของการดูดซึม และไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูกจากการรับประทานแคลเซียม
และยังมีสารสกัดที่มีประโยชน์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น สารสกัดจากเปลือกองุ่น , สารสกัดจากผลอะเซโรล่าเชอร์รี่ , ผงพริกไทยดำ ฯลฯ
รวมเป็น 9 ชนิดจนทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถช่วยบำรุงได้อย่างแท้จริง
ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ทาง :
http://www.calcivit.com/information/
ผลิตภัณฑ์ “แคลซิวิท” ได้รับมาตรฐาน อย 11-1-06353-1-0308
และมาตรฐานโรงงานจากยุโรปแล
.
CALCIVIT ผู้เชี่ยวชาญด้าน ข้อ กระดูก และหลังที่ดีที่สุด
สามารถสอบถามหรือสั้งซื้อ CALCIVIT
ได้ทาง LINE เพียงแค่กดปุ่มด้านล่างเพื่อ “ADD FRIEND”
หรือ Facebook INBOX เพียงคลิกปุ่มด้านล่าง